ทำไมการเรียนต่อป.โท ทางด้านบริหารที่ UK มันง่ายมากเลยเหรอค่ะ

ออกตัวก่อนเลยว่า แค่อยากทราบจากคนที่เรียนเฉยๆนะคะ ไม่ได้อิจฉาหรืออะไร

คืออ่านจากหลายๆกระทู้ก็มีคำถามแนวนี้เยอะอยู่ แต่อ่านๆไปก็มีทั้งบอกว่าดีและไม่ดี

เราเลยอยากถามแบบจริงจังแบบไม่ค้องตอบเสียดสีนะคะ

ว่าการเรียน ป.โท ทางด้านบริหาร โดยเฉพาะด้านการเงิน ที่UK นี่มันง่ายมากเลยใช่ไหมค่ะ

ในFacebook เราเพื่อนแต่ละคนนี่คือ เดี่ยวก็ไปเที่ยวต่างประเทศ (นอกUK) คือเรานี่เรียนอยู่ในไทยค่ะ

ปั่นวิทยานิพนธ์ ทีนี่ไม่ต้องทำอะไร แต่เพื่อนนี่คือ เอาดิสเซอร์ไปเขียนที่สวิสมองดูวิวงี้

ที่ไทยเรียน 2 ปี บางคนก็ไม่จบ แต่คนที่เรียนอังกฤษนี่เรียนก็จบทุกคนใช่ไหมค่ะ

แล้วพวกที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยแบบที่ไม่ใช่ Oxford,Warwick หรือมหาลัยดังๆนี่คือจ่ายครบจบแน่ใช่ไหม

เพราะเห็นมีเพื่อนไปเรียน ที่ U of Aberdeen ,U of Strachclyde , U of leed คือ เดี่ยวก็ปาร์ตี้ เดี่ยวก้อเที่ยว

แบบนี้จบมาแล้วจะมีคุณภาพไหมค่ะ

อังกฤษเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการศึกษาสูง แต่ถ้ายังปล่อยนักศึกษาต่างชาติเรียนจบง่ายๆแบบนี้ เขาไม่กลัวชื่อเสียงเสียหายเหรอค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เดาว่าจขกท เรียนหลักสูตร thesis ก็ต้องไปดูว่าคนที่เรียน UK เขาเรียนแค่ coursework หรือทำ thesis ไปด้วย
ไม่งั้นคงเปรียบเทียบกันไม่ได้

จากปสก.เรียนโทที่ไทยมหาลัยชื่อดังแถวสามย่านแล้วก็ป.เอก 2 ปีก่อนลาออกไปเรียนต่อเอกที่อเมริกา,
ที่อเมริกาถ้าเก่งจริงจะรู้สึกว่าง่ายเพราะเรื่องจุกจิกน้อย ระบบอะไรดีอยู่แล้ว เราแค่เข้าไป fit-in ในระบบแล้วทำหน้าที่ของเราไป (ปั่นงานวิจัย)
พนักงาน, เจ้าหน้าที่และ facility มีพร้อมอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปดิ้นรนพวกนี้มาก
ที่นั่นค่อนข้างยืดหยุ่น ตราบใดที่ไม่ผิดกฏร้ายแรงหรืออ. ที่ปรึกษาไม่เห็นด้วย ชีวิตก็ชิว ๆ ไปหนักแค่งานวิจัยตัวเอง
ถ้าจะมีอะไรที่หนักกว่าไทยก็คือความคาดหวังในคุณภาพงานวิจัยมากกว่ามหาลัยที่ไทยเยอะ
advisor ที่อเมริกาจะไม่ค่อยมา train หรือคอย babysit เราเพราะปฏิบัติกับเราแบบผู้ใหญ่และไม่ค่อยมีเวลา
ซึ่งตรงนี้ดูจะเป็นปัญหาใหญ่สุดของนักเรียนไทยที่มาเรียนอเมริกาเพราะเคยชินกับการถูก babysit มาตั้งแต่อนุบาลยันป.โทสำหรับบางคน
ถ้าเข้าใจตรงนี้หรือชอบสไตล์นี้จะรู้สึกดีเพราะชีวิตมีอิสระไม่โดน micro-management แบบที่ไทย ไม่งั้นอาจจะชอบสไตล์ไทยมากกว่า
ของไทยขนาดส่ง journal ที่มหาลัยตัวเองจัดเองยังมาใช้จบป.เอก ในขณะที่เรียนที่อเมริกา advisor บอกมาแต่ละชื่อมีแต่ Q1 journal
อีกข้อคือค่ากินอยู่ ทุกคนที่เรียนอเมริกาถ้าไม่ได้ทุนจากไทยแบบไม่จำกัดเวลาหรือรวยจริงก็จะรีบจบกันหมดไม่งั้นหนี้ยาว

ส่วนไทยความคาดหวังในคุณภาพต่ำกว่าแต่บรรยากาศรอบตัวมันไม่ช่วยให้กระตือรือร้นแบบอเมริกาเท่าไหร่
ที่เห็นคือทุกคนหวัง 1 journal ที่ไหนก็ได้เพื่อให้จบเอกแล้วก็แค่นั้น
ส่วนอ. ไทยก็จะมองอะไรเป็น KPI มากกว่าคุณภาพ ขอให้ได้ kpi สูง ๆ จำนวนงานเยอะแบบชั่งกิโลขาย คุณภาพไว้ทีหลัง
จะทำอะไรก็ติดระบบระเบียบไปหมดแม้แต่เรื่องเล็กน้อย ๆ ง่าย ๆ ก็ต้องยึดตามตัวอักษรทุกระเบียบนิ้ว
พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยเต็มใจช่วยซักเท่าไหร่ เรื่องจุกจิกจะคอยรบกวนไม่ให้เราทำวิจัยได้เต็มที่
ที่หนักใจคือเรื่องการเมืองกับอ. ที่ปรึกษาที่ถ้าเกิดว่าดวงแตกขึ้นมาอาจจะต้องเสียเวลาทำงานวิจัยไปช่วยคนนู้นคนนี้โดยเลี่ยงไม่ได้
ส่วนข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกันคือค่ากินอยู่ถูก อาจจะเป็นสาเหตุให้คนจบช้ากว่า
อีกข้อที่สังเกตุคือของไทยทีมเวิร์คไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ประสานงานทีไรจะกลายเป็นประสานงาทุกรอบไป

สรุป ถ้าคุณเก่งอยู่แล้วไปอเมริกาหรือต่างประเทศ ระบบที่นั่นจะส่งเสริมให้คุณทำงานง่ายขึ้นและอาจจะจบไวขึ้น
แต่ถ้าคุณแย่เขาก็ไล่คุณออกตั้งแต่ปีแรกเลยเช่นกัน ไม่เก็บไว้ให้เปลือง resource กับ reputation เขา
ส่วนไทยจะเลี้ยงไข้ไว้ ป.เอกบางคน 11 ปียังไม่จบและไม่โดนไทร์ อ.ก็จะคอย babysit คุณมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่